วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

การทำภาพเอนิเมชั่นใน photoshop cs3

   ตามปกติแล้ว โปรแกรม photoshop ในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ จะมีโปรแกรม imageready แถมมาให้ด้วย เพื่อไว้ทำภาพเอนิเมชั่น แต่พอมาถึงเวอร์ชั่น cs3 นั้น กลับไม่มี โปรแกรม imageready แถมมาให้ หลายๆคนคงคิดว่า แล้วจะทำภาพเอนิเมชั่นใน cs3 ได้ยังไง บทความนี้จะเสนอเกี่ยวกับการทำภาพเอนิเมชั่นใน photoshop cs3 ค่ะ

1. เปิดเอกสารใหม่ขึ้นมา โดยไปที่เมนู file > new แล้วตั้งค่าเอกสารตามความต้องการ ในที่นี้ สร้างเอกสารใหม่ขนาด 125x125





































2. หารูปภาพอะไรก็ได้มา 3 ภาพ ใส่แยกไว้ในแต่ละเลเยอร์ รวมทั้งหมด 3 ภาพ 3 เลเยอร์ ดังรูป





















































3. ไปที่เมนู Window > Animation จะได้หน้าต่าง Animation ขึ้นมา ดังรูป



















4. คลิกตรง 0 sec. เพื่อเลือกเวลาที่ต้องการ ในการแสดงแต่ละภาพ ในที่นี้เลือกเป็น 2 วินาที






















5. คลิกที่ Duplicates selected frames เพื่อ copy จาก frame แรก ดังรูป




















6. หลังจากนั้นให้ไปคลิกที่รูปตาตรงเลเยอร์ที่ 3 ออก ดังรูป




























7. กลับไปคลิกที่ Duplicates selected frames เพื่อ copy จาก frame ที่สอง (เหมือนข้อ 5)



























8. ต่อจากนั้นให้ไปคลิกที่รูปตาตรงเลเยอร์ที่ 2 ออก (เหมือนข้อ 6)



























9. ทดสอบได้โดยการกดปุ่ม play animation จะเล่นตั้งแต่ frames แรกไป frames สุดท้าย frames ละ 2 วินาที เมื่อจบ frames สุดท้ายก็จะวนกลับไปที่ frames แรกใหม่










10. ไปที่ File > Save for Web & Devices หรือกด ALT + CTRL + SHIFT + S เพื่อเซฟ และตั้งค่าตามต้องการ









11. สุดท้ายเราก็จะได้รูปเอนิเมชั่นที่ทำจาก photoshop cs3 แล้วครับ ง่ายๆใช่มั๊ยครับ สำหรับคนที่เคยใช้ImageReady ก็คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี


Computer Graphic

   Computer Graphic หมายถึง การสร้างและการจัดการกับภาพกราฟิกโดยใช้คอมพิวเตอร์ (ซึ่งโดยมากจะเป็นการแสดงออกทางจอภาพ และเครื่องพิมพ์ชนิดต่างๆ) ซึ่งใน 7-8 ปีก่อน คอมพิวเตอร์กราฟิก ( Computer Graphics ) สามารถถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางระบบคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้แพร่หลายมากขึ้นและผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกก็มีอยู่ทุกระดับ ซึ่งแนวความคิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิกจะว่าด้วยทุกๆ ส่วนที่ประกอบกันกลายเป็นภาพ ซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของการสร้างภาพก่อน โดยเริ่มจากองค์ประกอบของภาพ รูปแบบของภาพในแต่ละแบบที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถสร้างขึ้นมาได้ รูปแบบของไฟล์ที่นำมาใช้งานมีอะไรบ้าง และถ้าต้องการนำภาพนั้นมาใช้กับงานพิมพ์ควรทำอย่างไร ในปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณา ไปเป็นสื่อใหม่ในลักษณะงานด้านมันติมีเดีย ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่เรียกว่า “นักคอมพิวเตอร์กราฟิก” มาช่วยในการออกแบบงานต่างๆ หรือประยุกต์ใช้กับการทำงาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานกับกราฟิกที่ใช้งานกันมาก คือ โปรแกรม Adobe Photoshop ซึ่งเป็นโปรแกรมตกแต่งภาพที่นิยมใช้ในกลุ่มนักคอมพิวเตอร์กราฟิก เพราะใช้งานง่ายสามารถตอบสนองความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้ได้อย่างดี ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางการสร้างภาพกราฟิกสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจได้อย่างง่าย และเนื่องจากในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในการสื่อสารมากขึ้น มีการพัฒนาการนำเอาระบบมัลติมิเดียเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการท่องเว็บ เช่น มีการนำภาพเคลื่อนไหวทั้งแบบแอนนิเมชัน และแบบวีดีโอมาประกอบเว็บเพจ การนำรูปแบบ E-Learning, VDO, CAI, เกมส์ มาใช้ในระบบการเรียนการสอน ซึ่งต้องมีการศึกษาและเรียนรู้วิธีการสร้างภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งในโปรแกรมแต่ละตัวมีขีดความสามารถที่แตกต่างกัน

ประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก
 ประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอร์กราฟิก ได้แก่

1. Photo Retouching โปรแกรมที่เหมาะสำหรับการแก้ไข ตกแต่งภาพ และ ทำเอฟเฟกต์ให้กับภาพที่ได้สร้างขึ้นมาแล้ว ซึ่งอาจจะ มาจากภาพถ่ายจริง ได้แก่ Adobe PhotoShop, Corel Photopaint, PaintShop













2. Graphic Illustrator โปรแกรมสำหรับการออกแบบงานกราฟิก หรืองาน Lay out ซึ่งเป็นงานสองมิติ มีการเขียนรูปในลักษณะการเน้น เส้นเน้นรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งไม่ใช่รูปถ่าย ได้แก่ Adobe Illustrator, CorelDraw















3. Computer Aided Design โปรแกรมสำหรับการเขียนภาพที่แสดงออกถึงมิติ ขนาด ที่ ให้ความชัดเจนของวัตถุที่ต้องการสร้างขึ้นมา ได้แก่ Auto CAD, Prodesign















4. Computer Assisted Instruction โปรแกรมสร้างสื่อการเรียนการสอน Authoware, CAI EZ 2000
5. 3D Photo Realistic โปรแกรมที่สามารถสร้างภาพสามมิติ ที่มีมวลและปริมาตร และมีคุณสมบัติของพื้นผิว จนเกิดความสมจริงของแสง และเงา ได้แก่ 3D studio MAX, Auto CAD 3D















6. Presentation โปรแกรมกราฟิก สำหรับช่วยในการนำเสนองาน ใน ลักษณะเป็นสไลค์ประกอบคำบรรยาย มีการสร้างภาพ กราฟฟิกที่ดูแล้วเข้าใจง่ายขึ้น เช่น กราฟชนิดต่าง ๆ หรือการสร้างแผนผังการจัดองค์กร โปรแกรมประเภทนี้ ส่วนมากใช้ในงานธุรกิจ
7. Animation เป็นโปรแกรมสร้างภาพเคลื่อนไหวตามลำดับ โปรแกรมจะ แสดงภาพเป็นลำดับให้แลดูเหมือนภาพเคลื่อนไหว โดย อาจมีเทคนิคต่างๆ ประกอบการแสดงภาพเช่น การซ้อน ภาพ , เลื่อนภาพ, การเลื่อนภาพให้หายไปได้ และ การ แปลงภาพ รวมถึงมีลักษณะการโต้ตอบกับผู้ใช้ด้วย



การสร้างกราฟิก SmartArt

นำไปใช้กับ: Microsoft Office Excel 2007, PowerPoint 2007, Word 2007

กราฟิก SmartArt เป็นการแสดงข้อมูลที่มองเห็นได้ที่คุณสามารถสร้างได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยการเลือกกราฟิกได้จากเค้าโครงต่างๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้การสื่อสารข้อมูลและแนวคิดของคุณมีประสิทธิภาพ









ภาพรวมของการสร้างกราฟิก SmartArt
   เนื้อหาส่วนใหญ่ที่สร้างโดยใช้โปรแกรมของ ระบบ Microsoft Office 2007 จะมีลักษณะเป็นข้อความ ถึงแม้ว่าการใช้ภาพประกอบจะช่วยเพิ่มความเข้าใจและความจำและกระตุ้นการกระทำ การสร้างภาพประกอบที่มีคุณภาพระดับผู้ออกแบบสามารถเป็นสิ่งที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ใช่ผู้ออกแบบมืออาชีพหรือคุณไม่มีเงินทุนมากพอที่จะจ้างผู้ออกแบบมืออาชีพ ถ้าคุณใช้ Microsoft Office รุ่นก่อนหน้านี้ คุณอาจต้องใช้เวลามากในการทำให้รูปร่างให้มีขนาดเดียวกันและจัดเรียงอย่างเหมาะสม จัดวางข้อความของคุณให้ดูดี และการจัดรูปแบบรูปร่างให้เข้ากับลักษณะโดยรวมของเอกสารด้วยตนเอง แทนที่จะเน้นที่เนื้อหาของคุณ ด้วยคุณลักษณะใหม่ของ Office รุ่น 2007 ที่เรียกว่ากราฟิก SmartArt และคุณลักษณะใหม่อื่นๆ เช่น ชุดรูปแบบ คุณสามารถสร้างภาพประกอบที่มีคุณภาพระดับผู้ออกแบบได้อย่างง่ายดายเพียงคุณคลิกเมาส์ คุณสามารถสร้างกราฟิก SmartArt ได้ใน Microsoft Office Excel 2007, Microsoft Office PowerPoint 2007 , Microsoft Office Word 2007 หรือในข้อความอีเมลใน Microsoft Office Outlook 2007 ถึงแม้ว่าคุณไม่สามารถสร้างกราฟิก SmartArt ได้ในโปรแกรม Office รุ่น 2007 อื่นๆ คุณสามารถคัดลอกและวางกราฟิก SmartArt เป็นรูปในโปรแกรมเหล่านั้นได้
   เนื่องจากงานนำเสนอของ Office PowerPoint 2007 มักมีภาพนิ่งที่มีสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อย คุณสามารถแปลงข้อความของภาพนิ่งเป็นกราฟิก SmartArt ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มภาพเคลื่อนไหวลงในกราฟิก SmartArt ของคุณในงานนำเสนอของ Office PowerPoint 2007เมื่อคุณสร้างกราฟิก SmartArt คุณจะได้รับการพร้อมท์ให้เลือกชนิดของกราฟิก SmartArt เช่น กระบวนการ, ลำดับชั้น, วงกลม หรือ ความสัมพันธ์ ชนิดจะคล้ายกับประเภทของกราฟิก SmartArt และแต่ละชนิดมีเค้าโครงที่แตกต่างกันหลายเค้าโครง หลังจากคุณเลือกเค้าโครงแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะ เปลี่ยนเค้าโครงสำหรับกราฟิก SmartArt ของคุณ ข้อความส่วนใหญ่ของคุณและเนื้อหาอื่น สี ลักษณะ ลักษณะพิเศษ และการจัดรูปแบบข้อความจะถูกโอนไปยังเค้าโครงใหม่โดยอัตโนมัติ เมื่อคุณเลือกเค้าโครง ข้อความตัวยึด (เช่น [ข้อความ]) จะแสดงเพื่อให้คุณสามารถเห็นได้ว่ากราฟิก SmartArt ของคุณมีลักษณะอย่างไร ตัวยึดข้อความจะไม่ถูกพิมพ์ หรือแสดงในระหว่างการนำเสนอภาพนิ่ง อย่างไรก็ตาม จะมีการแสดงและพิมพ์รูปร่างเสมอ เว้นแต่ว่าคุณ ลบรูปร่างดังกล่าว คุณสามารถแทนที่ข้อความตัวยึดด้วยเนื้อหาของคุณเอง เมื่อคุณเพิ่มและแก้ไขเนื้อหาของคุณในบานหน้าต่างข้อความ กราฟิก SmartArt ของคุณจะได้รับการปรับปรุงโดยอัตโนมัติ  ซึ่งสามารถเพิ่มหรือเอารูปร่างออกได้ตามความต้องการนอกจากนี้คุณยังสามารถ เพิ่ม และ เอาออก รูปร่างในกราฟิก SmartArt ของคุณเพื่อปรับโครงสร้างของเค้าโครงได้ ตัวอย่างเช่น ถึงแม้ว่าเค้าโครง กระบวนการพื้นฐาน จะปรากฏขึ้นโดยมีรูปร่าง 3 รูป แต่กระบวนการของคุณอาจต้องการรูปร่างเพียง 2 รูป หรือ 5 รูป ก็ได้ เมื่อคุณเพิ่มหรือเอารูปร่างออก และแก้ไขข้อความ การจัดเรียงรูปร่างและปริมาณข้อความในรูปร่างดังกล่าวจะได้รับการปรับปรุงโดยอัตโนมัติ  โดยยังคงการออกแบบและเส้นขอบของเค้าโครงต้นฉบับสำหรับกราฟิก SmartArt ของคุณไว้ เมื่อต้องการเพิ่มลักษณะที่มีคุณภาพของนักออกแบบและปรับแต่งกราฟิก SmartArt ของคุณอย่างรวดเร็ว ให้ นำ ลักษณะ SmartArt ไปใช้

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อคุณสร้างกราฟิก SmartArt
    ก่อนที่คุณจะสร้างกราฟิก SmartArt ของคุณ ให้ดูก่อนว่าชนิดและเค้าโครงใดดีที่สุดสำหรับการแสดงข้อมูลของคุณ คุณต้องการนำเสนออะไรในกราฟิก SmartArt ของคุณ คุณต้องการรูปลักษณ์ที่แน่นอนหรือไม่ เนื่องจากคุณสามารถสลับเค้าโครงได้อย่างรวดเร็ว หรือลองเค้าโครงที่แตกต่าง (ข้ามชนิด) จนกระทั่งคุณพบเค้าโครงสำหรับประกอบกับข้อความของคุณได้ดีที่สุด กราฟิกของคุณควรชัดเจนและเข้าใจง่าย ให้ทดลองใช้เค้าโครงชนิดต่างๆ โดยใช้ตารางข้างล่างเป็นจุดเริ่มต้น ตารางนี้มีเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นเท่านั้นซึ่งไม่ใช่รายการที่ละเอียดมากนัก

วััตถุประสงค์ของกราฟิก                                                             ชนิดของกราฟิก

- แสดงข้อมูลที่ไม่เป็นลำดับ                                                                รายการ
- แสดงขั้นตอนในกระบวนการหรือเส้นเวลา                                         กระบวนการ
- แสดงกระบวนการต่อเนื่อง                                                                 วงกลม
- แสดงโครงการการตัดสินใจ                                                               ลำดับชั้น
- สร้างแผนผังองค์กร                                                                           ลำดับชั้น
- แสดงภาพประกอบการเชื่อมต่อ                                                         ความสัมพันธ์
- แสดงว่าส่วนต่างๆ สัมพันธ์กับส่วนทั้งหมดอย่างไร                             เมทริกซ์
- แสดงความสัมพันธ์ตามสัดส่วนกับคอมโพเนนต์
ใหญ่สุดที่ด้านบนหรือด้านล่าง พีระมิด

  นอกจากนี้ให้พิจารณาถึงจำนวนข้อความที่คุณมี เนื่องจากจำนวนข้อความมักจะเป็นตัวกำหนดเค้าโครงที่คุณใช้ รวมทั้งจำนวนรูปร่างที่คุณต้องการในเค้าโครง โดยทั่วไป กราฟิก SmartArt จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อจำนวนของรูปร่างและจำนวนข้อความไม่เกินประเด็นสำคัญ ถ้าข้อความมีขนาดใหญ่เกินกำหนด ข้อความที่ปรากฏในกราฟิก SmartArt ของคุณอาจถูกตัดออกได้ ซึ่งจะทำให้คุณนำเสนอข้อความของคุณได้ยากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม มีบางเค้าโครงเช่น รายการสี่เหลี่ยมคางหมู ในชนิด รายการ จะทำงานได้ดีในกรณีที่มีจำนวนข้อความมาก มีเค้าโครงสำหรับกราฟิก SmartArt บางเค้าโครงมีการกำหนดจำนวนรูปร่างคงที่ ตัวอย่างเช่น เค้าโครง ลูกศรถ่วงดุล ในชนิด ความสัมพันธ์ ได้รับการออกแบบเพื่อแสดงความคิดหรือแนวคิดที่สวนทางกัน โดยมีรูปร่างเพียงสองรูปเท่านั้นที่สามารถมีข้อความได้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเค้าโครงให้แสดงเนื้อหาแนวคิดหรือความคิดมากกว่าสองแนวคิดได้






 
ถ้าคุณต้องการนำเสนอแนวคิดมากกว่าสองแนวคิด ให้สลับไปยังเค้าโครงอื่นที่มีรูปร่างสำหรับข้อความมากกว่าสองรูป เช่น เค้าโครง พีระมิดพื้นฐาน ในชนิด พีระมิด โปรดระลึกไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงเค้าโครงหรือชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงความหมายข้อมูลของคุณได้ ตัวอย่างเช่น เค้าโครงที่มีลูกศรชี้ไปด้านขวา เช่น กระบวนการพื้นฐาน ในชนิด กระบวนการ มีความหมายแตกต่างจากกรากฟิก SmartArt ที่มีลูกศรวนเป็นวงจร เช่น วงกลมแบบต่อเนื่อง ในชนิด วงกลม


สร้างกราฟิก SmartArt

1.บนแท็บ แทรก ในกลุ่ม ภาพประกอบ ให้คลิก SmartArt







2.ในกล่องโต้ตอบ เลือกกราฟิก SmaArtrt ให้คลิกชนิดและเค้าโครงที่คุณต้องการ
3.ใส่ข้อความโดยเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
คลิกในรูปร่างในกราฟิก SmartArt ของคุณ แล้วพิมพ์ข้อความ
คลิก [ข้อความ] ในบานหน้าต่างข้อความ แล้วพิมพ์หรือวางข้อความของคุณ
คัดลอกข้อความจากโปรแกรมอื่น ให้คลิก [ข้อความ] จากนั้นวางลงในบานหน้าต่างข้อความ
ถ้ามองไม่เห็นบานหน้าต่างข้อความ


เปลี่ยนสีกราฟิก SmartArt ทั้งชุด
คุณสามารถนำการไล่ระดับสีที่ได้รับจากชุดรูปแบบสี ไปใช้กับรูปร่างในกราฟิก SmartArt ของคุณได้

1.คลิกกราฟิก SmartArt ของคุณ
2.ภายใต้ เครื่องมือ SmartArt บนแท็บ ออกแบบ ในกลุ่ม ลักษณะ SmartArt ให้คลิก
      เปลี่ยนสี







3.คลิกการแปลงสีที่คุณต้องการ

นำลักษณะ SmartArt ไปใช้กับกราฟิก SmartArt
   ลักษณะ SmartArt คือการรวมกันของหลายลักษณะพิเศษ เช่น ลักษณะเส้น ยกนูน หรือ สามมิติ ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้กับรูปร่างในกราฟิก SmartArt ของคุณเพื่อสร้างลักษณะที่ไม่ซ้ำใครและที่ได้รับการออกแบบอย่างมืออาชีพได้

1.คลิกกราฟิก SmartArt ของคุณ
2.ภายใต้ เครื่องมือ SmartArt บนแท็บ ออกแบบ ในกลุ่ม ลักษณะ SmartArt ให้คลิกลักษณะ SmartArt ที่คุณต้องการ
เพื่อต้องการดูลักษณะ SmartArt เพิ่มเติม ให้คลิกปุ่ม เพิ่มเติม 



เคล็ดลับ  
   ถ้าคุณมีข้อความบนภาพนิ่งอยู่แล้ว คุณสามารถ แปลงข้อความไปเป็นกราฟิก SmartArt ได้
นอกจากนี้ คุณยังสามารถกำหนดกราฟิก SmartArt ของคุณได้เอง โดยการเพิ่มรูปร่างเฉพาะ การเอารูปร่างออก การย้ายรูปร่าง การปรับขนาดรูปร่าง และการจัดรูปแบบข้อความ
เมื่อต้องการเริ่มทำงานด้วยเค้าโครงเปล่า ให้ลบข้อความตัวยึดทั้งหมด (เช่น [ข้อความ]) ในบานหน้าต่างข้อความ หรือกด CTRL+A จากนั้นกด DELETE

วีดีโอการสร้างกราฟิกด้วย SmartArt





การปรับแต่ง windows xp



วิธีการปรับแต่ง Windows XP ให้ทำงานได้เร็วขึ้น แบบไม่ต้องลงทุน
  หลังจากที่ได้แนะนำ วิธีการปรับแต่ง Windows 98 กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของการปรับแต่ง Windows XP กันบ้าง ความจริงแล้ว ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น มีการจัดการกับส่วนต่าง ๆ ที่ค่อนข้างจะดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็น จะต้องไปปรับแต่ง อะไรเพิ่มเติมกันอีก แต่ถ้าหาก ใครอยากจะเสริมโน่นนิด นี่หน่อย ก็ลองมาดูขั้นตอน การปรับแต่ง Windows XP กันได้เลยครับ

-ทำการลง Driver ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีมาให้สำหรับ Windows XP โดยเฉพาะ
  สำหรับท่านที่ใช้งาน Windows XP นั้น ความจริงหลังจากที่ลง Windows ใหม่ ๆ แล้ว อุปกรณ์บางตัว อาจจะสามารถ ทำงานได้เลย โดยไม่ต้องมานั่งลง Driver ให้ยุ่งยาก แต่เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น สามารถทำงานได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ มากขึ้น ขอแนะนำให้ทำการลง Driver ของอุปกรณ์แต่ละตัวไปอีกครั้งด้วย จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ในการใช้งานได้มาก

-การปรับแต่ง Performance ของระบบให้ทำงานได้เร็วขึ้น
  เป็นการตั้งค่า Virtual Memory ของระบบที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Performance กดที่ปุ่ม Settings >> Advanced และด้านล่างเลือกกดที่ปุ่ม Change จะได้ตามภาพ


















ทำการเปลี่ยนค่าของ Virtual ให้เป็นแบบ Custom size และกำหนดไว้ที่ 512-512 ตามภาพแล้วกด OK จากนั้นเครื่องจะทำการ Restart ใหม่ครั้งหนึ่งก่อนครับ

-การปรับแต่ง Startup and Recovery ของระบบวินโดวส์
  เป็นการกำหนดขั้นตอน เมื่อระบบวินโดวส์เริ่มต้นทำงาน และการกำหนดการกระทำ เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นให้เหมาะสม โดยทำการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Startup and Recovery กดที่ปุ่ม Settings จะได้ตามภาพ


















ทำการยกเลิกการเครื่องหมายถูกใต้ช่อง System failure ออกให้หมด (สำหรับเครื่องหมายถูกด้านบนใต้ช่อง system startup ให้ปล่อยไว้ตามเดิม เนื่องจากเป็นการกำหนดการเลือกบูต Windows แบบหลายระบบ หรือถ้าหากเครื่องนั้น ลงระบบ Windows ไว้แค่ตัวเดียว ไม่ได้ใช้ลูกเล่นนี้ก็เอาออกไปได้เช่นกันครับ) จากนั้นก็กด OK ครับ

-การปรับแต่งระบบรายงานข้อผิดพลาดหรือ Error Reporting
  เป็นการกำหนดวิธีการรายงานข้อผิดพลาด ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานอะไร ก็จัดการยกเลิกการทำงานส่วนนี้ซะเลย โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ที่ด้านล่าง ให้กดที่ปุ่ม Error Reporting จะได้ตามภาพ


















ทำการเลือกที่ช่อง Disable error reporting ตามภาพแล้วกด OK ครับ

-ปิดการทำงานของ System Restore เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์
  เป็นการปิดการทำงานของระบบ System Restore หรือระบบย้อนเวลากลับของ Windows เช่น ถ้าหากเรามีการติดตั้ง ซอฟต์แวร์ลงไปในเครื่อง แล้วเกิดเปลี่ยนใจหรือว่าซอฟต์แวร์ตัวนั้น ไปสร้างปัญหาให้กับระบบ เราก็สามารถย้อยเวลากลับไป ณวันที่หรือเวลาที่เราต้องการได้ แต่เนื่องจากการที่จะสามารถ ย้อนเวลากลับไปได้นั้น Windows จะต้องใช้พื้นที่บน ฮาร์ดดิสก์ ส่วนหนึ่ง ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ด้วย ตรงนี้แหละครับที่เรียกว่า System Restore ซึ่งถ้าหาก ไม่ต้องการ ใช้งานระบบในส่วนนี้ ก็จัดการปิดการทำงานไปซะดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก System Restore ตามภาพ


















ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ช่อง Turn off System Restore on all drive แล้วกด OK ครับ

-การตั้งให้ปิดระบบการทำงานของ Auto Update ไปเลยดีกว่า
  เป็นการตั้งให้ระบบการอัพเดตไฟล์หรือ Patch ต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของ microsoft แบบอัตโนมัติไม่ทำงาน เนื่องจาก ถ้าหากมีการตั้ง Auto Update นี้ไว้ จะทำให้เมื่อเล่นอินเตอร์เน็ตแล้ว จะมีการเช็คหรือตรวจสอบอยู่บ่อย ๆ รวมถึงในบางครั้ง อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ Windows ต่อเน็ตเองด้วย ซึ่งหากเราต้องการที่จะทำการอัพเดตจริง ๆ ก็สามารถสั่งเองได้เช่นกัน โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Automatic Updates ตามภาพ


















เอาเครื่องหมายถูกหน้าช่อง Keep my computer up to date... ออกไปและกด OK ครับ

-การปิดการทำงานของระบบ Remote Desktop
  เป็นการปิดการทำงานของการใช้งาน Remote Desktop หรือการทำ Remote จากเครืองคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยปกติเราจะไม่ได้มีการใช้งานส่วนนี้อยู่แล้ว ปิดไปเลยดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Remote ตามภาพ

















เอาเครื่องหมายถูกออกไปให้หมดเหมือนภาพด้านบน และกดที่ปุ่ม OK ครับ

-การปรับแต่งระบบ Registry ของระบบวินโดวส์ให้ทำงานได้ดีขึ้น
  สำหรับส่วนนี้ ก็จะเป็นการปรับแต่งระบบ Registry ของ Windows โดยในที่นี้ จะไม่ขออธิบายรายละเอียดมากนัก เอาเป็นว่า อยากจะลองปรับแต่งตรงไหน ก็กดเลือกที่ Registry สำเร็จรูปที่ได้เตรียมไว้แล้ว ให้ทำไปทีละอันตามต้องการจนครบได้เลย โดยวิธีการ ก็เพียงแค่เลือกที่ลิงค์ด้านล่างนี้ เลือกที่ Open และกดที่ Yes ค่ะ
1. การปรับแต่งวินโดวส์ให้บูตเร็วขึ้น โดยการปรับค่า Memory Management
2. การปรับแต่งวินโดวส์ให้เล่นเน็ตเร็วขึ้น โดยการปรับแต่งค่า MAXConectionsPerServer
3. การปรับแต่งวินโดวส์ให้ชัตดาวน์ได้เร็วขึ้น โดยการปรับค่าต่าง ๆ ของระบบ
สำหรับขั้นตอนต่าง ๆ เท่าที่พอจะทำการปรับแต่งได้ โดยที่ไม่มีผลกระทบกับระบบ Windows XP มากนักก็มีเพียงเท่านี้ หลังจาก เสร็จสิ้น การปรับแต่งทุกอย่างแล้ว ลองเปรียบเทียบความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งเวลาที่ใช้งานทั่ว ๆ ไปดูนะ ว่าได้ผลอย่างไรกันบ้าง



เกมส์คอมพิวเตอร์




Pao - Ying - Chup ( เป่า - ยิ้ง - ฉุบ )  
มินิเกมส์ เกมส์แรกที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน ผ่อนคลาย พร้อมกับฝึกสมอง ประลองปัญญา เสริมทักษะไหวพริบ ให้กับสมาชิกมินิเพล์ย เป็นเกมส์ที่น้องสมาชิกรู้จักกันดี ก็คือเกมส์ เป่า - ยิ้ง - ฉุบ นั้นเอง น้องๆ สามารถท้าประลอ



Ying Z ( ยิงซี่ !! )  
มินิเกมส์ เกมส์ที่สอง ทีมงานได้จับมือกับเกมส์แฟชั่นที่โด่งดังที่สุดในปัจจุบัน คือเกมส์ VanillaCat ที่นำเกมส์มาให้สมาชิกมินิเพล์ยได้ร่วมสนุกกัน เป็นเกมส์ที่ต้องใช้ความแม่นยำ และรวดเร็ว โดยยิงธนูให้เข้าเป้ามากที่สุดเพื่อเก็บคะแนน สำหรับชิงความเป็นเทพแห่งการยิงธนู ไปลุยกันเลย ยิงซี่.....งกับเพื่อนๆ ในมินิเพล์ย ได้ตลอดเวลา ขอให้สนุกกับเกมส์ของเรานะค่ะ

เกมโยวกัง ยุทธภพครบสลึง (Yulgang) เกมออนไลน์ ที่ติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเภทเกม MMORPG ของประเทศเกาหลีมา แล้วอย่างต่อเนื่อง เกม โยวกัง ยุทธภพครบ สลึง ...

วีดีโอเกมส์โยวกัง


ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=2aaQbS0N8X4


วีดีโอเกมส์โยวกัง2



ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=ybvJ97JtAEk&feature=related



การอ่านบล็อกโดยใช้ Google Reader



  วันนี้ดิฉันขอแนะนำ เว็บไซต์ที่ไว้สำหรับอ่านบล็อก (Web-based RSS Reader) ชื่อว่า Google Reader คะ ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้คือ ท่านจะสามารถเลือกรับอ่านบล็อกเฉพาะที่ท่านสนใจได้คะ

การใช้ Google Reader
• ท่านจะต้องมี Account บน Google ก่อนนะคะ
• ทำการ login เข้าใช้ Google Reader โดยไปที่ http://reader.google.com/
• คลิ๊กที่ Your subscriptions > Add a feed (pix)


• เปิดหน้าหลัก GotoKnow.org ขึ้นมา ดูที่บล็อกที่แนะนำ แล้วคัดลอกเอาที่อยู่ของลิงค์ RSS Feed มา หรือไปที่หน้าบล็อกนั้นๆ แล้วคัดลอกลิงค์จากกราฟฟิกสีส้ม





• เช่น บล็อก KMI Thailand มีลิงค์ RSS คือ http://gotoknow.org/thaikm/rss20 เป็นต้น


• กลับมาที่ Google Reader แปะลิงค์ที่คัดลอกมาลงไปในช่อง Feed URL ดังรูปที่ 1
• คลิ๊ก Preview > Subscribe

• เพิ่ม Feed ได้อีกตามขั้นตอนด้านบน
• เพียงเท่านี้ ท่านก็จะสามารถเลือกอ่านบล็อกที่ท่านสนใจได้ทุกเวลา โดยเข้าที่Google Reader ของท่าน โดยจะต้อง login เพื่อเข้าอ่านทุกครั้ง

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

บัญญัติ 12 ประการสำหรับแฮกเกอร์


บัญญัติ 12 ประการสำหรับแฮกเกอร์ 



1. จงอย่าทำลายข้อมูลใด ๆ ของระบบด้วยความจงใจ
2. จงอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงไฟล์ใด ๆ ของระบบ นอกเสียจากว่าจำเป็นต้องทำ เพื่อไม่ให้ถูกแกะรอย หรือเพื่อให้สามารถกลับมาในระบบได้อีกครั้ง
3. จงอย่าทิ้งชื่อจริง หมายเลขโทรศัพท์ไว้บนระบบที่คุณแอบเข้าไป เพราะข้อมูลเหล่านี้จะนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัย
4. พึงระวังในการแชร์ข้อมูลกับคนที่คุณไม่รู้จักอย่างแท้จริง ไม่รู้ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ และ อาชีพ
5. อย่าบอกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณให้ใครทราบ
6. จงอย่าพยายามแฮกเช้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ เนื่องจากระบบเหล่านี้มักมีระบบรักษาความปลอดภัยสูงอยู่แล้ว นอกจากนี้คุณจะถูกตามล่าจนได้ ต่างจากระบบของเอกชนที่มักคำนึงถึงผลกำไรและค่าใช้จ่ายในการตามล่า ถ้าคุณไม่ได้เข้าไปทำลายข้อมูลที่สำคัญแล้ว เขาก็มักไม่เสียเวลามาตามล่าคุณ
7. ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้โค้ดหรือรหัสใด ๆ ที่ยาวเกินความจำเป็น
8. จงอย่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ข้อมูลใด ๆ ที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ให้พยายามเข้ารหัสเอาไว้เสมอ เพราะถ้าถูกจับจะไม่มีเวลาทำ พยายามซ้อนโน้ตต่าง ๆ ที่จดไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย
9. พึ่งระมัดระวังการโพสต์ข้อมูลหรือข่าวบนกระดานข่าว ปกติแล้วแฮกเกอร์มืออาชีพจะไม่โพสต์ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบที่เขาใช้งานอยู่ หรือถ้าจะโพสต์ก็มักไม่ระบุชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นข้อความทั่ว ๆ ไปมากกว่า
10. อย่าที่จะถามคำถามกับแฮกเกอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า แต่ก็อย่าหวังว่าจะมีคนตอบคำถามให้คุณทั้งหมด
11. จงแฮก เริ่มต้นทำ อ่านข้อมูลใด ๆ ก็ได้ที่สนใจ 
12. กรณีที่ถูกจับ ขอให้ปิดปากเงียบไว้ก่อน และรีบติดต่อทนาย

วีดีโอเรื่องการทำความรู้จักและป้องกันHacker


 ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=eVU5hMFT3po


อาการเสียและการแก้ไขปัญหายอดฮิตของคอมพิวเตอร์

อาการเสียของคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายสาเหตุ สามารถวิเคราะห์อาการเสียเบื้องต้นได้ดังนี้


   
 
อาการบูตเครื่องขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างไม่ทำงานและเงียบสนิท
  ให้ตรวจสอบที่พัดลมด้านท้ายเครื่องว่าหมุนหรือไม่ หากไม่หมุนอาจเป็นไปได้ว่าปลั๊กไฟเสีย หรืออาจขาดใน และให้เข้าไปเช็คที่ฟิวส์ของเพาเวอร์ซัพพลาย หากฟิวส์ขาดให้ซื้อฟิวส์รุ่นเดียวกันมาเปลี่ยน แต่ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายเสีย ควรแนะนำลูกค้าให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายใหม่

อาการ บูตเครื่องแล้วจอมืด แต่ไฟ LED หน้าจอและไฟเคสติด
  ให้ตรวจสอบที่ปุ่มการปรับสีและแสงที่หน้าจอก่อน จากนั้นจึงเช็คในส่วนของขั้วสายไฟ และขั้วสายสัญญาณระหว่างเคสและจอภาพ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเสียบการ์ดจอไม่แน่นหากตรวจเช็คอาการเหล่านี้แล้ว ทุกอย่างเป็นปกติดีสาเหตุน่าจะเกิดจากการ์ดแสดงผล และจอภาพ ให้นำอุปกรณ์ทั้ง 2 ตัวไปลองกับอีก เครื่องหนึ่งที่ทำงานเป็นปกติ หากการ์ดแสดงผลเสียต้องส่งเคลมหรือให้ลูกค้าเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเป็นจอภาพ ให้ตรวจเช็คอาการอีกครั้ง ถ้าซ่อมได้ก็ควรซ่อม

อาการ บูตเครื่องแล้วมีไฟที่หน้าเคสและไฟฟล็อบปี้ไดรฟ์ แต่จอมืดและทุกอย่างเงียบสนิท
  ให้ตรวจสอบที่การเชื่อมต่อระหว่างขั้วต่อสายไฟของเพาเวอร์ซัพพลายกับเมนบอร์ดถูกต้องหรือไม่ หลุดหลวมหรือเปล่า
- ตรวจสอบสายแพที่เชื่อมต่อกับขั้วต่อ IDE ของฮาร์ดดิสก์, ฟล็อบปี้ดิสก์ และซีดีรอม ถูกต้องหรือไม่ หลุดหลวมหรือไม่
- ตรวจสอบการติดตั้งซีพียูว่าใส่ด้านถูกหรือไม่ ซีพียูเสียหรือไม่
- ตรวจสอบจัมเปอร์หรือดิปสวิทช์ และการเข้าไปเปลี่ยนแปลงค่าในไบออสว่ามีการกำหนดค่าที่ถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะค่าแรงดันไฟ Vcore

อาการ ที่จอภาพแสดงข้อความผิดพลาดว่า HDD FAILURE 
- ตรวจสอบการตั้งค่าในไบออสว่าถูกต้องหรือไม่
- ตรวจสอบขั้วต่อ IDE ว่ามีการเสียบผิดด้านหรือไม่ หลุดหลวมหรือเปล่า
- ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ว่าเสียหรือไม่ โดยเข้าไปในเมนูไบออส และใช้หัวข้อ IDE HDD Auto Detection --- ตรวจหาฮาร์ดดิสก์ ถ้าไม่เจอแสดงว่าฮาร์ดดิสก์มีปัญหาแต่หากเจอแสดงว่าฮาร์ดดิสก์ปกติดี

อาการ เมื่อบูตเครื่องขึ้นมาแล้วมีสัญญาณเตือนดัง บี๊บ...........บี๊บ 
      ควรตรวจสอบแรมว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่ ติดตั้งดีแล้วหรือยัง วิธีแก้ไขให้ถอดแล้วเสียบใหม่
ตรวจสอบการติดตั้งการ์ดต่างๆ บนเมนบอร์ดว่าติดตั้งดีแล้วหรือยัง วิธีแก้ไขให้ถอดแล้วเสียบใหม่ ตรวจสอบซีพียูและการเซ็ตจัมเปอร์ว่าถูกต้องหรือไม่วิธีแก้ไขเซ็ตจัมเปอร์ใหม่โดยตรวจเช็คจากคู่มือเมนบอร์ด

การแก้ปัญหาครื่องแฮงค์



การแก้ปัญหาครื่องแฮงค์





    เครื่องแฮงค์เพราะไดร์เวอร์ 
  ไดร์เวอร์คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือคอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงาน ร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดร์เวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาใช่มั้ยค่ะ แต่เนื่องจากว่าบางครั้งไดร์เวอร์ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ มีผู้ใช้หลายคนยกเครื่องมาให้ ช่างคอมพิวเตอร์ตรวจเช็คเนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยพอสอบถามถึงปัญหาก็พบว่าผุ้ใช้ได้เคยอัพเดท ไดร์เวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คแล้วก็พบว่าไดร์เวอร์ที่ผุ้ใช้ อัพเดทนั้นเป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลดไปทดสอบกันดูก่อน เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับฮาร์ดแวร์ บางตัวได้จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก
    สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของ ผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดร์เวอร์ลงไปให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้ วิธีแก้ปัญหาก็คือให้จัดการถอดไดร์เวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดร์เวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties
2. ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver
3. จากนั้นคลิกขวาที่ไดร์เวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดร์เวอร์นั้นออกไปแล้วลงไดร์เวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม
   แต่บางครั้งไดร์เวอร์ที่มากับอุปกรณ์ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะ พบบ่อยมากในไดร์เวอร์ของการ์ดแสดงผล 3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนมทางแก้ปัญหาคือ ต้องไปดาวน์โหลดไดร์เวอร์เวอร์ชั่นใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

    เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น






    หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องเข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟลืบางตัวของระบบปฏิบัติการจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดตั้ง เข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้
   สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผุ้ใช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจ มาจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์ 98 / Me ให้บูตเครื่องด้วยแผ่นบูตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจีสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหาเพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้

   สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไปยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ดังนี้

1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2. เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer to earlier time แล้วคลิกปุ่ม Next
3. เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next
4. จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้เราคลิกปุ่ม Next แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด

Shut Down แล้วแฮงค์




   อาการดังกล่าวภาษาชาวบ้านเรียกว่าเครื่องเกเร เราอุตส่าห์สั่งปิดแล้วแต่เครื่องเจ้ากรรมกลับดื้อ ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ถ้าใครเจอปัญหานี้ต้องเข้าใจก่อนนะค่ะว่า โปรแกรมไมโครซอฟท์น่ะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเวลาผู้ใช้สั่งชัดดาวน์ โดยทั่วไปเมื่อคุณสั่งชัดดาวน์เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรมวินโดวส์จะทำการยกเลิกไดร์ฟเวอร์ต่างๆ ออกจากหน่วยความจำ แล้วเครื่องก็จะ หยุดทำงาน แต่ถ้าโปรแกรมมันรีบร้อนยกเลิกไดรฟ์เวอร์ (ที่พบบ่อยก็คือ วินโดวส์ 98) ก็จะทำให้ โปรแกรมหลายๆ ตัวที่เปิดใช้งานอยู่เกิดอาการแฮงค์ขึ้น
 วิธีแก้ปัญหาให้ทำอย่างนี้ค่ะ คุณสามารถ Disable การสั่งชัดดาวน์อย่างรวดเร็วนี้ได้อย่างง่ายๆโดยการ คลิ๊กที่เมนู Start เลือก Run แล้วพิมพ์คำว่า "Msconfig" จากนั้นกด <Enter> เมื่อเห็นหน้าต่างที่เปิดขึ้นมา ให้คุณเลือกปุ่ม Advanced เพื่อเลือกเช็ค Disable Fast Shutdown หากคุณใช้วินโดวส์ 95 หรือ 98SE อยู่แล้วคุณจะไม่เจอปัญหาการ ชัดดาวน์แบบนี้เลย.

คอมพิวเตอร์ชอบรีสตาร์ทบ่อย ๆ สาเหตุเกิดจากอะไร
   ปัญหาคอมพิวเตอร์ชอบรีสตาร์ทบ่อย ๆ หลายครั้งมักเกิดหลังจากการอัพเกรดอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปใหม่ โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากการใช้แรมคนละยี้ห้อ หรือมีบัสที่แตกต่างจากแรมที่มีอยู่เดิม ดังนั้นการตรวจเช็คจึงควรถอดแรมที่อัพเกรดเข้าไปใหม่ออกเสียก่อน แล้วจึงทดลองใช้งานหากปัญหานี้หมดไป นั่นแสดงว่าป็นเพราะแรมตัวใหม่นั่นเอง
     นอกจากแรมแล้วยังมีอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องชอบรีสตาร์ทอยู่บ่อยนั่นคือเพาเวอร์ซัพพลาย หากภายในเคสของเรามีการติดตั้งอุปกรณ์มากเกินไปและแต่ละตัวก็ล้วนกินไฟค่อนข้างมาก เช่น ติดตั้ง ฮาร์ดดิสก์ 2 ตัว หรือติดตั้งการ์ดจอ 3 มิติราคาแพง อุปกรณ์เหล่านี้อาจทำให้เพาเวอร์ซัพพลายจ่ายไฟไม่เพียงพอจนทำให้เครื่องต้องรีสตาร์ทใหม่อยู่บ่อย ๆ ทางแก้คือให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายตัวใหม่ที่มีวัตต์สูงกว่าเดิม